วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


2.12 Verbs

Toungut:
Verbs (คำกริยา)
 Verbs (คำกริยา) คือ คำที่แสดงออกทางการกระทำหรือสภาวะอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม เกรียน ฯลฯ

Types of Verbs (ประเภทของกริยานะจ๊ะ) 
 มี 2 ชนิด
1.Auxiliary Verb หรือ Helping Verbs = กริยาช่วย   
2.Lexical Verb หรือ Main Verb = กริยาแท้

1.Auxiliary Verb (กริยาช่วย) คือกริยาที่มีหน้าที่หรือทำหน้าที่ช่วยกริยาแท้เป็นหลัก ดังนั้นถ้ามีกริยาช่วยจะต้องมีกริยาแท้ ปรากฏอยู่ที่ประโยคด้วยเสมอ ยกเว้นประโยคที่เราละกริยาแท้เอาไว้ 
   กริยาช่วยมีทั้งหมดกี่ตัวและใช้อย่างไร??
  Verb to be     =    is,am,are,was,were
  Verb to do     =    do,does,did
  Verb to have  =    have,has,had
  will,would      =    จะ
  shall,should   =    จะ
  can,could       =    สามารถ,เป็น,ได้
   may,might    =    อาจจะ
   must            =    จะต้อง
   ought to       =    ควรจะ
   used to        =    เคย
   need            =    ต้องการ
   dare            =     กล้า

ซึ่ง กริยาช่วยทั้ง 24 ตัวนั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
1.1 Primary Auxiliary Verbs 
 คือกริยาที่เป็นได้ทั้งกริยาช่วย และกริยาแท้ ซึ่งได้แก่ 
  Verb to be     =    is,am,are,was,were
  Verb to do     =    do,does,did
  Verb to have  =    have,has,had
เราจะรู้ได้ไงล้ะครับว่าตัวไหนเป็นกริยาช่วยตัวไหนเป็นกริยาแท้    มีวิธีจำครับน้องๆ
1.ถ้าทำหน้าท่เป็นกริยาช่วย 
-จะทำหน้าที่ช่วยกริยาแท้ 
-verb to be,verb to do,verb to have จะไม่มีคำแปล เช่น I have done ที่แปลว่า ฉันทำแล้ว done เป็นกริยาช่อง3 ซึ่งก็คือกริยาแท้ ส่วนคำว่า have นั้นไม่ได้มีความหมายว่า มี แต่เอามาเสริมประโยคเฉยๆ 
-จะมีอยู่ 2 ช่อง คือ ช่อง 1 (present simple) และ ช่อง 2 (past simple) เท่านั้นยกเว้น been

2.ถ้าทำหน้าที่เป็นกริยาแท้ 
-เป็นกริยาหลักของประโยค เช่น I love you    / love เป็นกริยาหลักนะเห็นไหม ; )
-verb to be จะแปลว่า เป็น,อยู่,คือ (ยกเว้นตามด้ย adjective)  เช่น  I am gay ฉันเป็นเกย์ 
-verb to do จะแปลว่า ทำ เช่น  I'll do my homework ฉันจะทำการบ้าน   
-จะมีครบทั้ง 3 ช่องครับ

1.2 Modal Auxiliary Verb
 คือคำกริยาที่ทำหน้าที่ เป็นกริยาช่วยเท่านั้น
ยกเว้น need กับ dare ที่เป็นได้ทั้งกริยาช่วยและแท้นะ ข้อที่ควรจำเลยคือจะไม่มีการเติม s ที่กริยาช่วย   ไม่ว่าประธาณของมันจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ตาม
* กริยา Modal Auxiliary Verb  ได้แก่
 wil,would    =    จะ
 can,could    =    จะ
 may,might  =    สามารถ,เป็น,ได้
 must          =    จะต้อง
 ought to       =    ควรจะ
 used to        =    เคย
 need            =    ต้องการ
 dare            =     กล้า

2 Laxical Verbs (กริยาแท้)
 คือกริยาที่ทำหน้าที่เป็นกริยาหลักของประโยค
 แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ 
1.Transitive Verbs (Vt.) = สกรรมกริยา
2.Intransitive Verbs (Vi.) = อกรรมกริยา

2.1 Transitive Verbs  (สกรรมกริยา) คือกริยาที่จำเป็นต้องมีกรรมมารองรับ โดยที่คำกริยาประเภทนี้เป็นตัวส่งทอดการกระทำจากประธาณไปสู่กรรม
Ex  She hates snakes.
       I like him 
 ถ้ากริยา Transitive Verbs  มันไม่มีกรรมมารองรับนะ ประโยคจะไม่สมบูรณ์  
 
2.2 Intransitive Verbs  (อกรรมกริยา) ชื่อบอกว่า "อกรรม" ซึ่งหมายถึงไม่ต้องมีกรรมมารองรับนั่นเองครับน้องๆ ประโยคก็สามารถที่จะเป็นประโยคที่สมบูรณ์ได้ 
Ex  Aut always sits by hit mom 
      She came early this moring 

* คำกริยาส่วนมากเป็นได้ทั้งกริยาช่วยและกริยาแท้นะครับ 

   ****** หมดเรื่องกริยาช่วยกริยาแท้ไปแล้ว คราวนี้มากล่าวถึงกริยาพิเศษกันบ้างนะครับ ; ) ******
Causative Verbsเงื่อนไข 
1) ทำหน้าที่เป็น Finite Verb หมายความว่า  ทำให้.... เช่น You confuse me!  - คุณทำให้ฉันงงนะ! 
2)ทำหน้าที่เป็น Non-Finite Verb หรือกริยาเสริมความ โดยมีโครงสร้างดังนี้ครับ 
   S (ประธาณของประโยค) + verb to be  + v3 + preposition
 เช่น  I am confused   ฉันงง = =" [ confuse เติม d กลายเป็น v3]
3)ทำหน้าที่เป็น Adjective (คำคุณศัพท์) โดยการเติม ing   จะให้ความหายว่า น่า... 
 confusing แปลว่า  น่างง,น่าสับสน

จะยกตัวอย่างการใช้ เช่น คำว่า interest ที่แปลว่า ทำให้สนใจ 
  เช่น You interest me   คุณทำให้ฉันสนใจ
แต่ถ้าเราเติม es ให้คำว่า interest ล้ะ  
 ต้องเข้าล็อกเงื่อนไขที่สองนะ จะแปลว่า รู้สึก...
 I'm interested in you   ฉันรู้สึกสนใจคุณ
  ถ้าตามเงื่อนไขที่สามแล้วล้ะก็  ต้องเติม ing ไปท้าย interest เป็น interestingแปลว่า น่าสนใจ
 It's so interesting  มันน่าสนใจมากๆเลยแหละ 


http://www.thaigoodview.com/node/117295

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น